วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

"การพิจารณาคุณค่าวรรณคดี"


ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เรื่อง"การพิจารณาคุณค่าวรรณคดี"



การพิจารณาคุณค่าวรรณคดี

            งานประพันธ์เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น  โดยสื่อความคิดที่ต้องการถ่ายทอดผ่านทางสื่อภาษา ผู้อ่านจะได้รับความสนุกสนานเพลินเพลินจากเนื้อเรื่อง ได้อารมณ์สุนทรีย์จากถ้อยคำสำนวนโวหารที่ไพเราะสละสลวย  เรียกว่า เป็นบทประพันธ์ที่คุณค่าอย่างมากในด้านวรรณศิลป์ นอกจากนั้น ผู้อ่านยังได้รับอาหารสมอง จากความรู้ความคิด คติธรรม ทรรศนะ ความเชื่อที่สอดแทรกในเนื้อเรื่อง หากผู้อ่านมีความตั้งใจที่จะศึกษาวรรณคดีและทำความเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ เรื่องราวและข้อคิดที่ได้จักเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตประจำวัน
    การพิจารณาคุณค่าวรรณคดี มีหัวข้อในการพิจารณา 4 หัวข้อ ดังนี้
    .คุณค่าด้านวรรณศิลป์
    คุณค่าด้านเนื้อหา
    ๓ คุณค่าด้านสังคม
    .คุณค่าด้านการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

    เรามาดูการพิจารณาคุณค่า[ด้านวรรณศิลป์] กันก่อนนะคะ
            วรรณศิลป์ มีความหมาย ตามพจนานุกรรมฉบับบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ว่า ศิลปะในการแต่งหนังสือ,ศิลปะทางวรรณกรรม,วรรณกรรมที่ถึงขั้นวรรณคดี,หนังสือที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดี
            จากความหมายนี้เอง การพิจารณาคุณค่าด้านวรรณศิลป์จึงต้องศึกษาตั้งแต่การเลือกชนิดคำประพันธ์ให้เหมาะสมกับประเภทของงานเขียน การรู้จักตกแต่งถ้อยคำให้ไพเราะสละสลวยอันเป็นลักษณะเฉพาะของภาษากวี และทำให้ผู้อ่านเกิดความสะเทือนอารมณ์
            ภาษากวีเพื่อสร้างความงดงามไพเราะแก่บทร้อยแก้วหรือร้อยกรองนั้น มีหลักสำคัญที่เกี่ยวข้องกัน ๓ ด้าน ดังนี้
      1.การสรรคำ
                 
                  การสรรคำ คือการเลือกใช้คำให้สื่อความคิด ความเข้าใจ ความรู้สึก และอารมณ์ได้อย่างงดงาม โดยคำนึงถึงความงามด้านเสียง โวหาร และรูปแบบคำประพันธ์ การสรรคำทำได้ดังนี้
        - การเลือกคำให้เหมาะแก่เนื้อเรื่องและฐานะของบุคคลในเรื่อง
        - การใช้คำให้ถูกต้องตรงตามความหมาย
        - การเลือกใช้คำพ้องเสียง คำซ้ำ
        - การเลือกใช้คำโดยคำนึงถึงเสียงสัมผัส
        - การเลือกใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติ
        - การเลือกใช้คำไวพจน์ได้ถูกต้องตรงตามความหมาย



      2.การเรียบเรียงคำ


                    การเรียบเรียงคำ คือการจัดวางคำที่เลือกสรรแล้วให้มาเรียงร้อยกันอย่างต่อเนื่องตามจังหวะ ตามโครงสร้างภาษ หรือตามฉันทลักษณ์ ซึ่งมีหลายวิธีเช่น
        - จัดลำดับความคิดหรือถ้อยคำจากสิ่งสำคัญจากน้อยไปมาก จนถึงสิ่งสำคัญสูงสุดอันเป็นจุดสุดขั้น
        - จัดลำดับความคิดหรือถ้อยคำจากสิ่งสำคัญน้อยไปหามาก แต่กลับหักมุมความคิดผู้อ่านเมื่อถึงจุดสุดขั้น
        - จัดลำดับคำให้เป็นคำถามแต่ไม่ต้องการคำตอบหรือมีคำตอบอยู่ในตัวคำถามแล้ว
        - เรียงถ้อยคำเพื่อให้ผู้อ่านแปลความหมายไปในทางตรงข้ามเพื่อเจตนาเยาะเย้ย ถากถาง
        - เรียงคำวลี ประโยค ที่มีความสำคัญเท่าๆกัน เคียงขนานกันไป

        
      3.การใช้โวหาร


                   การใช้โวหาร คือการใช้ถ้อยคำเพื่อให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพเรียกว่า ภาพพจน์” ซึ่งมีหลายวิธีที่ควรรู้จัก ได้แก่

        - อุปมา คือ การเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งว่าเหมือนกับสิ่งหนึ่งโดยมีคำเปรียบปรากฏอยู่ด้วย คำเปรียบเทียบเหล่านี้ได้แก่ เหมือน เสมือน ดุจ เล่ห์ เฉก ดัง กล เพียง ราว ปูน
        - อุปลักษณ์  คือการเน้นความหมายว่าสิ่งหนึ่งเหมือนกับสิ่งหนึ่งมาก จนเหมือนกับเป็นสิ่งเดียวกัน โดยมีคำเปรียบ เป็น คือ เท่า ปรากฏในข้อความ
        - บุคคลวัต  คือ การสมมุติสิ่งต่างๆให้มีกริยาอาการ ความรู้สึกเหมือนมนุษย์
        - อธิพจน์  คือการกล่าวเกินจริง เพื่อเน้นข้อความนั้นให้มีน้ำหนักยิ่งขึ้น บางครั้งอาจใช้คำกล่าวน้อยกว่าจริงเรียกว่า อวพจน์
          

    แนวทางการพิจารณาคุณค่า[ด้านเนื้อหา]
       ความหมายของเนื้อหา (Content) คล้ายคลึงกับเนื้อเรื่อง(Story) แต่มีข้อต่างกันดังนี้
    -เนื้อเรื่อง ของงานประพันธ์ หมายถึงเรื่องราวที่กล่าวไว้ในงานประพันธ์นั้นๆ
    -เนื้อหา มีความหมายแคบกว่าเนื้อเรื่อง กล่าวคือหมายถึงใจความสำคัญ หรือสาระสำคัญที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง
           การพิจารณาเนื้อหาของงานประพันธ์เรื่องใดเรื่องหนึ่ง จึงหมายถึงการพิจารณาแนวคิด สาระ ค่านิยม ฯลฯ ที่ปรากฏในเรื่องนั้นอย่างลึกซึ้งลักษณะของงานประพันธ์โดยทั่วไป แบ่งตามลักษณะของเนื้อหาออกเป็น ๒ ประเภทใหญ่ๆคือบันเทิงคดี และสารคดี


     การพิจารณาคุณค่าวรรณคดี[ด้านสังคม]
การพิจารณาคุณค่าวรรณคดีด้านสังคมแบ่งออกได้ ๒ ลักษณะใหญ่ๆดังนี้

    ๑.ด้านนามธรรม

     ได้แก่
      ความดี
      ความชั่ว
      ค่านิยม
      จริยธรรมของคนในสังคม
                                                         

    ๒.ด้านรูปธรรม

    ได้แก่
      สภาพความเป็นอยู่
      วิถีชีวิต
      การแต่งกาย
      และการก่อสร้างทางวัตถุ


    การพิจารณาคุณค่าวรรณคดีต่อ [การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน]
               วรรณคดีทุกเรื่อง นอกจากจะมีหน้าที่หลัก คือ ให้ความบันเทิงใจแล้ว ยังเป็นอาหารสมองที่สำคัญแก่ผู้อ่านด้วย แม้จุดมุ่งหมายในการแต่งวรรณคดีแต่ละเรื่องจะแตกต่างกัน เช่น การอ่านวรรณคดีประเภทยอพระเกียรติ ย่อมได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ้านเมือง อันเป็นเหตุการณ์ตอนใดตอนหนึ่งของประวัติศาสตร์
             วรรณคดีประเภทคำสอน เช่น สุภาษิตต่างๆ ย่อมสัมพันธ์กับศาสนา ปรัชญา และจริยศาสตร์เพราะศาสนาเป็นเรื่องของศรัทธาความเชื่อ ปรัชญาเป็นเรื่องของการตรวจสอบประสบการณ์ชีวิต ซึ่งอาจเป็นของกวีเองหรือของสังคมสมัยนั้นๆ ส่วนจริยศาสตร์เป็นสัจธรรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนาของคนในสังคม การอ่านวรรณคดีประเภทสุภาษิต จึงได้ประโยชน์ในการได้ศึกษาแนวทางการประพฤติปฏิบัติ ที่ทำให้ผู้อ่านได้เห็นสัจธรรมอันเป็นที่ยอมรับกันมาแล้วในสังคม ในขณะที่เราอ่าน
                    วรรณคดีประเภทนี้ เราจะไม่รู้สึกว่ากำลังถูกสอนโดยตรง และผู้อ่านอาจจะไม่เห็นด้วยกับผู้เขียน ทั้งนี้เพราะความแตกต่างกันในเรื่องวัยวุฒิ คุณวุฒิและประสบการณ์ต่อเมื่อเราได้ผ่านประสบการนั้นๆบ้าง ผู้อ่านจะเห็นคุณค่าของภาษิตต่างๆ

              การอ่านวรรณคดีประเภทสุภาษิตสามมารถตีความและสรุปเป็นแง่คิดได้เกือบทุกส่วน ผู้เขียนจะสื่อสารถึงผู้อ่านโดยตรง โดยไม่ผ่านตัวละคร หรือพฤติกรรมตัวละครเหมือนวรรณคดีประเภทอื่นๆ ดังนั้น เมื่อถึงอ่านเรื่องใดก็สามารถทำความเข้าใจและสรุปให้จบเป็นเรื่องๆได้  




2 ความคิดเห็น: