ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เรื่อง"การพิจารณาคุณค่าวรรณคดี"

การพิจารณาคุณค่าวรรณคดี
งานประพันธ์เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้น โดยสื่อความคิดที่ต้องการถ่ายทอดผ่านทางสื่อภาษา ผู้อ่านจะได้รับความสนุกสนานเพลินเพลินจากเนื้อเรื่อง ได้อารมณ์สุนทรีย์จากถ้อยคำสำนวนโวหารที่ไพเราะสละสลวย เรียกว่า เป็นบทประพันธ์ที่คุณค่าอย่างมากในด้านวรรณศิลป์ นอกจากนั้น ผู้อ่านยังได้รับอาหารสมอง จากความรู้ความคิด คติธรรม ทรรศนะ ความเชื่อที่สอดแทรกในเนื้อเรื่อง หากผู้อ่านมีความตั้งใจที่จะศึกษาวรรณคดีและทำความเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ เรื่องราวและข้อคิดที่ได้จักเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตประจำวัน
- การพิจารณาคุณค่าวรรณคดี มีหัวข้อในการพิจารณา 4 หัวข้อ ดังนี้
๑.คุณค่าด้านวรรณศิลป์
๒. คุณค่าด้านเนื้อหา
๓ คุณค่าด้านสังคม
๔.คุณค่าด้านการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เรามาดูการพิจารณาคุณค่า[ด้านวรรณศิลป์] กันก่อนนะคะ
วรรณศิลป์ มีความหมาย ตามพจนานุกรรมฉบับบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ว่า “ศิลปะในการแต่งหนังสือ,ศิลปะทางวรรณกรรม,วรรณกรรมที่ถึงขั้นวรรณคดี,หนังสือที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดี
จากความหมายนี้เอง การพิจารณาคุณค่าด้านวรรณศิลป์จึงต้องศึกษาตั้งแต่การเลือกชนิดคำประพันธ์ให้เหมาะสมกับประเภทของงานเขียน การรู้จักตกแต่งถ้อยคำให้ไพเราะสละสลวยอันเป็นลักษณะเฉพาะของภาษากวี และทำให้ผู้อ่านเกิดความสะเทือนอารมณ์
ภาษากวีเพื่อสร้างความงดงามไพเราะแก่บทร้อยแก้วหรือร้อยกรองนั้น มีหลักสำคัญที่เกี่ยวข้องกัน ๓ ด้าน ดังนี้
1.การสรรคำ
การสรรคำ คือการเลือกใช้คำให้สื่อความคิด ความเข้าใจ ความรู้สึก และอารมณ์ได้อย่างงดงาม โดยคำนึงถึงความงามด้านเสียง โวหาร และรูปแบบคำประพันธ์ การสรรคำทำได้ดังนี้
- การเลือกคำให้เหมาะแก่เนื้อเรื่องและฐานะของบุคคลในเรื่อง
- การใช้คำให้ถูกต้องตรงตามความหมาย
- การเลือกใช้คำพ้องเสียง คำซ้ำ
- การเลือกใช้คำโดยคำนึงถึงเสียงสัมผัส
- การเลือกใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติ
- การเลือกใช้คำไวพจน์ได้ถูกต้องตรงตามความหมาย
2.การเรียบเรียงคำ
การเรียบเรียงคำ คือการจัดวางคำที่เลือกสรรแล้วให้มาเรียงร้อยกันอย่างต่อเนื่องตามจังหวะ ตามโครงสร้างภาษ หรือตามฉันทลักษณ์ ซึ่งมีหลายวิธีเช่น
- จัดลำดับความคิดหรือถ้อยคำจากสิ่งสำคัญจากน้อยไปมาก จนถึงสิ่งสำคัญสูงสุดอันเป็นจุดสุดขั้น
- จัดลำดับความคิดหรือถ้อยคำจากสิ่งสำคัญน้อยไปหามาก แต่กลับหักมุมความคิดผู้อ่านเมื่อถึงจุดสุดขั้น
- จัดลำดับคำให้เป็นคำถามแต่ไม่ต้องการคำตอบหรือมีคำตอบอยู่ในตัวคำถามแล้ว
- เรียงถ้อยคำเพื่อให้ผู้อ่านแปลความหมายไปในทางตรงข้ามเพื่อเจตนาเยาะเย้ย ถากถาง
- เรียงคำวลี ประโยค ที่มีความสำคัญเท่าๆกัน เคียงขนานกันไป
3.การใช้โวหาร
การใช้โวหาร คือการใช้ถ้อยคำเพื่อให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพเรียกว่า “ภาพพจน์” ซึ่งมีหลายวิธีที่ควรรู้จัก ได้แก่
- อุปมา คือ การเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งว่าเหมือนกับสิ่งหนึ่งโดยมีคำเปรียบปรากฏอยู่ด้วย คำเปรียบเทียบเหล่านี้ได้แก่ เหมือน เสมือน ดุจ เล่ห์ เฉก ดัง กล เพียง ราว ปูน
- อุปลักษณ์ คือการเน้นความหมายว่าสิ่งหนึ่งเหมือนกับสิ่งหนึ่งมาก จนเหมือนกับเป็นสิ่งเดียวกัน โดยมีคำเปรียบ เป็น คือ เท่า ปรากฏในข้อความ
- บุคคลวัต คือ การสมมุติสิ่งต่างๆให้มีกริยาอาการ ความรู้สึกเหมือนมนุษย์
- อธิพจน์ คือการกล่าวเกินจริง เพื่อเน้นข้อความนั้นให้มีน้ำหนักยิ่งขึ้น บางครั้งอาจใช้คำกล่าวน้อยกว่าจริงเรียกว่า อวพจน์
แนวทางการพิจารณาคุณค่า[ด้านเนื้อหา]
ความหมายของเนื้อหา (Content) คล้ายคลึงกับเนื้อเรื่อง(Story) แต่มีข้อต่างกันดังนี้
-เนื้อเรื่อง ของงานประพันธ์ หมายถึงเรื่องราวที่กล่าวไว้ในงานประพันธ์นั้นๆ
-เนื้อหา มีความหมายแคบกว่าเนื้อเรื่อง กล่าวคือหมายถึงใจความสำคัญ หรือสาระสำคัญที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง
การพิจารณาเนื้อหาของงานประพันธ์เรื่องใดเรื่องหนึ่ง จึงหมายถึงการพิจารณาแนวคิด สาระ ค่านิยม ฯลฯ ที่ปรากฏในเรื่องนั้นอย่างลึกซึ้งลักษณะของงานประพันธ์โดยทั่วไป แบ่งตามลักษณะของเนื้อหาออกเป็น ๒ ประเภทใหญ่ๆคือบันเทิงคดี และสารคดี
การพิจารณาคุณค่าวรรณคดี[ด้านสังคม]
การพิจารณาคุณค่าวรรณคดีด้านสังคมแบ่งออกได้ ๒ ลักษณะใหญ่ๆดังนี้
การพิจารณาคุณค่าวรรณคดีต่อ [การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน]
วรรณคดีทุกเรื่อง นอกจากจะมีหน้าที่หลัก คือ ให้ความบันเทิงใจแล้ว ยังเป็นอาหารสมองที่สำคัญแก่ผู้อ่านด้วย แม้จุดมุ่งหมายในการแต่งวรรณคดีแต่ละเรื่องจะแตกต่างกัน เช่น การอ่านวรรณคดีประเภทยอพระเกียรติ ย่อมได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ้านเมือง อันเป็นเหตุการณ์ตอนใดตอนหนึ่งของประวัติศาสตร์
วรรณคดีประเภทคำสอน เช่น สุภาษิตต่างๆ ย่อมสัมพันธ์กับศาสนา ปรัชญา และจริยศาสตร์เพราะศาสนาเป็นเรื่องของศรัทธาความเชื่อ ปรัชญาเป็นเรื่องของการตรวจสอบประสบการณ์ชีวิต ซึ่งอาจเป็นของกวีเองหรือของสังคมสมัยนั้นๆ ส่วนจริยศาสตร์เป็นสัจธรรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนาของคนในสังคม การอ่านวรรณคดีประเภทสุภาษิต จึงได้ประโยชน์ในการได้ศึกษาแนวทางการประพฤติปฏิบัติ ที่ทำให้ผู้อ่านได้เห็นสัจธรรมอันเป็นที่ยอมรับกันมาแล้วในสังคม ในขณะที่เราอ่าน
วรรณคดีประเภทนี้ เราจะไม่รู้สึกว่ากำลังถูกสอนโดยตรง และผู้อ่านอาจจะไม่เห็นด้วยกับผู้เขียน ทั้งนี้เพราะความแตกต่างกันในเรื่องวัยวุฒิ คุณวุฒิและประสบการณ์ต่อเมื่อเราได้ผ่านประสบการนั้นๆบ้าง ผู้อ่านจะเห็นคุณค่าของภาษิตต่างๆ
การอ่านวรรณคดีประเภทสุภาษิตสามมารถตีความและสรุปเป็นแง่คิดได้เกือบทุกส่วน ผู้เขียนจะสื่อสารถึงผู้อ่านโดยตรง โดยไม่ผ่านตัวละคร หรือพฤติกรรมตัวละครเหมือนวรรณคดีประเภทอื่นๆ ดังนั้น เมื่อถึงอ่านเรื่องใดก็สามารถทำความเข้าใจและสรุปให้จบเป็นเรื่องๆได้
ดีมาก
ตอบลบมีอ้างอิงมั้ยคะ อยากอ่านเพิ่มเติมค่ะ
ตอบลบ